X
Open

ทิปส์การเงิน

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน เคล็ดลับขอสินเชื่อที่ผู้ให้บริการทางการเงินอยากบอกคุณ

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน

เมื่อเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ หมุนเงินไม่ทัน หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมของเหล่ามนุษย์เงินเดือนก็คือการขอสินเชื่อจากผู้ให้บริการทางการเงิน แต่เคยสงสัยไหมว่า...ทำไมบางคนกู้สินเชื่ออะไรก็ไม่เคยผ่าน บทความนี้มีคำตอบ พร้อมแนะนำวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ด้วย 8 เทคนิคที่ทำให้การขอสินเชื่อไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อ่านได้ที่นี่!

สารบัญบทความ

ขอสินเชื่อไม่ผ่าน เกิดจากสาเหตุอะไร?

กู้เงินธนาคาร

หลายคนอาจเคยพยายามขอสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อแก้ปัญหาเงินไม่พอใช้หมุนเงินไม่ทัน แต่ไม่ว่าจะสมัครกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน โดยได้รับคำตอบว่า “ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณา” ทำให้เกิดคำถาม เกณฑ์ที่ผู้ให้บริการทางการเงินใช้พิจารณาคืออะไร? และมีวิธีใดที่จะช่วยให้ขอสินเชื่อผ่านได้มากขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้สินเชื่อไม่ผ่านการอนุมัติมีดังต่อไปนี้

  • รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์

รายได้เป็นปัจจัยสำคัญลำดับแรกที่ผู้ให้บริการทางการเงินใช้พิจารณาว่าผู้ขอสินเชื่อมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ หากมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ทำให้มีโอกาสถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงกว่ากลุ่มผู้มีรายได้สูงกว่า

  • อาชีพของผู้สมัคร

หนึ่งในหลักเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคล คืออาชีพของผู้ขอสินเชื่อ ผู้ให้บริการทางการเงินจะพิจารณาเพื่อดูเสถียรภาพทางรายได้ หากประกอบอาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น ฟรีแลนซ์หรืออาชีพอิสระ อาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงมากกว่าพนักงานประจำหรือข้าราชการ ซึ่งส่งผลต่อโอกาสในการได้รับอนุมัติ

  • ภาระหนี้สินในปัจจุบัน

หากใครมีสินเชื่อหลายแห่งจนมีหนี้สินจำนวนมาก หรือมีภาระการชำระหนี้รายเดือนที่สูงเกินไปและต้องการสมัครสินเชื่อเงินก้อนเพื่อนำไปโปะหนี้ก้อนเดิม พร้อมเก็บเงินบางส่วนที่เหลือไว้เป็นเงินฉุกเฉิน ผู้ให้บริการทางการเงินอาจประเมินว่าไม่เหลือความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ก้อนใหม่ ส่งผลให้ใบสมัครถูกปฏิเสธ 

  • ภาระหนี้สินในอดีต

ก่อนขอสินเชื่อถูกกฎหมาย ผู้ให้บริการทางการเงินบางแห่งอาจตรวจสอบประวัติสินเชื่อผ่านข้อมูลจากเครดิตบูโร หากพบว่ามีประวัติผิดนัดชำระหนี้บ่อยครั้ง จะส่งผลให้ขอสินเชื่อยาก และอาจทำให้วงเงินที่กู้ได้ลดลงด้วย เช่น จากเดิมที่ควรได้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน คือ 30,000 บาท เหลือเพียง 10,000 - 20,000 บาท

  • ขาดหลักประกัน

สินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อที่มีหลักประกัน จะต้องใช้ทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ เป็นสิ่งค้ำประกัน หากไม่มีทรัพย์สินตามเงื่อนไข ก็อาจส่งผลให้ขอสินเชื่อไม่ผ่าน

  • วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ

ผู้ให้บริการทางการเงินอาจให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ หากวัตถุประสงค์ไม่สอดคล้องกับลักษณะของสินเชื่อที่ขอ เช่น ขอสินเชื่อเพื่อการศึกษา วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อควรเป็นการกู้เพื่อค่าเล่าเรียน แต่กลับระบุว่าใช้เพื่อหมุนเงินชั่วคราว อาจทำให้ถูกปฏิเสธได้

สินเชื่อต้องใช้เวลาในการอนุมัติกี่วัน?

ระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่ออาจแตกต่างกันไปตามประเภทของสินเชื่อและขั้นตอนการพิจารณาของแต่ละผู้ให้บริการทางการเงิน หากเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มักใช้เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากต้องมีขั้นตอนประเมินทรัพย์สินและตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบัตรกดเงินสด มักมีขั้นตอนที่ง่ายกว่า และหากเอกสารครบถ้วน อาจได้รับการอนุมัติภายใน 1–5 วันทำการ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละผู้ให้บริการทางการเงิน

อย่างไรก็ตามวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อประเภทใดก็ตามคือ การเตรียมเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่ต้น เพราะกรณีที่เอกสารไม่ครบหรือมีข้อผิดพลาด จะทำให้กระบวนการล่าช้า หรือในบางกรณี อาจถูกปฏิเสธการอนุมัติได้

8 เทคนิค วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ที่ทุกคนต้องรู้

ขอสินเชื่อไม่ผ่านทําไงดี

การขอสินเชื่อให้ผ่านอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่หากเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ผู้ให้บริการทางการเงินใช้ในการพิจารณา ก็มีโอกาสที่สินเชื่อจะผ่านการอนุมัติมากยิ่งขึ้น เราจึงรวบรวม 8 เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณขอสินเชื่อผ่านได้อย่างมั่นใจ ดังต่อไปนี้

1. เตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน

ก่อนที่จะยื่นกู้เงินกับผู้ให้บริการทางการเงิน ควรเตรียมเอกสารแสดงตัวตน และเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้ให้ครบถ้วน เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน และรายการเดินบัญชีย้อนหลัง เพื่อให้ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้อย่างชัดเจน หากเอกสารไม่ครบถ้วน ก็อาจส่งผลให้การพิจารณาสินเชื่อล่าช้าหรือถูกปฏิเสธได้

2. เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวเอง

สินเชื่อแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขอสินเชื่อ ตัวอย่างเช่น บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อที่สามารถเบิกถอนเงินสดได้ตลอดเวลาผ่านตู้ ATM หรือแอปพลิเคชัน บัตรกดเงินสดจึงเหมาะสำหรับเป็นวงเงินสำรองฉุกเฉิน หากเกิดปัญหาเงินหมดตั้งแต่ช่วงต้นเดือน แต่ถ้าต้องการวงเงินก้อนใหญ่ เช่น กู้เงินทำธุรกิจ หรือกู้เงินซื้อบ้าน ควรยื่นกู้สินเชื่อที่มีหลักประกัน จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

3. ประเมินความสามารถในการชำระสินเชื่อ

เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน หลายคนมักรีบไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารหรือผู้ให้บริการทางการเงินทันที โดยไม่ได้ประเมินก่อนว่าจะชำระคืนไหวหรือไม่ ทั้งที่มีรายจ่ายต่อเดือนสูงอยู่แล้ว สุดท้ายรายได้ที่มีไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ ส่งผลให้ชำระเงินคืนไม่ได้และกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด

4. อย่าพยายามขอสินเชื่อซ้ำหลายครั้ง

หากขอสินเชื่อซ้ำหลายครั้งในระยะเวลาใกล้กัน อาจทำให้ผู้ให้บริการทางการเงิน บางแห่งตั้งข้อสังเกตว่าผู้กู้อาจกำลังประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลที่จะถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ให้บริการนั้นมีการตรวจสอบข้อมูลจากเครดิตบูโร หากมีความจำเป็นต้องการขอสินเชื่อจริง ๆ ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้มีเวลาชำระหนี้เดิมอย่างสม่ำเสมอและหนี้น้อยลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อไปขอสินเชื่อก้อนใหม่ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การพิจารณาอาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง

5. ตรวจสอบเครดิตบูโรก่อนขอสินเชื่อ

นอกจากผู้ให้บริการทางการเงินบางแห่งจะตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของผู้ขอสินเชื่อได้แล้ว ผู้ขอสินเชื่อก็สามารถตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเองได้เช่นกัน โดยมีช่องทางตรวจสอบเครดิตบูโรได้หลายช่องทาง เช่น ตู้คีออสของศูนย์ตรวจข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร การตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรก่อนกู้เงิน จะช่วยให้เราทราบว่ามีประวัติการค้างชำระหนี้ในอดีตคงอยู่ในระบบหรือไม่ หากพบว่าไม่มีประวัติการค้างชำระแล้ว ก็มีโอกาสที่สินเชื่อจะผ่านการอนุมัติง่ายขึ้น ทั้งนี้ เกณฑ์การอนุมัติอาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง

6. ตรวจสอบเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อของแต่ละผู้ให้บริการทางการเงิน

ผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรายได้ อาชีพ ประวัติทางการเงินในอดีต หรือแม้แต่นโยบายภายในของแต่ละองค์กร หากคุณสมบัติของผู้สมัครไม่ตรงตามเกณฑ์ของผู้ให้บริการ ก็อาจส่งผลให้สินเชื่อไม่ผ่านการอนุมัติ

7. อย่าสร้างภาระหนี้เกินตัว

บางคนเมื่อได้รับวงเงินกู้ก้อนใหญ่มาแล้ว อาจใช้จ่ายเกินความจำเป็นจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต และไม่สามารถชำระคืนได้ หากมีหนี้ก้อนเดิมอยู่ ควรชำระหนี้เดิมคืนให้หมดก่อน แต่ถ้าชำระหนี้ก้อนเดิมไม่ไหวจริง ๆ ควรเจรจาลดดอกเบี้ยหรือขอทำแฮร์คัตหนี้กับผู้ให้บริการทางการเงิน แทนการกู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้ก้อนเดิม

8. จ่ายหนี้ให้ตรงเวลาเสมอ

หากคุณเป็นลูกหนี้ชั้นดี ชำระหนี้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งไม่เคยผิดนัดชำระ จะช่วยให้การกู้เงินในครั้งต่อไปราบรื่นมากขึ้น เพราะผู้ให้บริการทางการเงินจะมองว่าคุณมีวินัยทางการเงิน และนอกจากจะมีโอกาสขอสินเชื่อผ่านแล้ว ผู้ให้บริการทางการเงินบางแห่งอาจเสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า หรือวงเงินที่สูงขึ้นสำหรับลูกหนี้ชั้นดี

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน แค่เตรียมพร้อม ไม่ยากอย่างที่คิด

วิธีการขอสินเชื่อให้ผ่านไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจหลักเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อของผู้ให้บริการทางการเงิน และเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โอกาสผ่านการพิจารณาก็มีสูงขึ้น เพราะหากเอกสารไม่ครบ ผู้ให้บริการทางการเงินอาจไม่สามารถประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง เช่น สมัครบัตรกดเงินสด ไม่มีสลิปเงินเดือน ซึ่งสลิปเงินเดือนเป็นเอกสารสำคัญในการพิจารณาว่ารายได้สอดคล้องกับภาระหนี้สินหรือไม่ และเมื่อขาดเอกสารแล้ว ก็มีโอกาสถูกปฏิเสธสินเชื่อเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดหนี้เสีย (NPL)

หากต้องการผู้ช่วยทางการเงิน ต้องไม่พลาดบัตรกดเงินสด A money บัตรกดเงินสดที่จะช่วยให้คุณมีวงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ตลอดเวลา เพียงมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 5,000 บาทต่อเดือน ก็ยื่นเอกสารสมัครได้ทันที ชำระคืนขั้นต่ำ 2.5% ของยอดเรียกเก็บ สมัครได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชันบนระบบ iOS, Android, Harmony (OS) หรือผ่านเว็บไซต์ รู้ผลไว ไม่ต้องเดินทางไปสาขา

*อัตราดอกเบี้ย 16% - 25% ต่อปี กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนไหว

ย้อนกลับ